ผู้เขียน: adminone

            ปีเก่ากำลังจะผ่านไปและปีใหม่กำลังจะเข้ามา  สิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ในขณะนี้ก็คือการที่เจ้าของธุรกิจพยายามที่จะดันธุรกิจของตนเองให้ผ่านพ้นวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจไปให้ได้ เศรษฐกิจและธุรกิจของไทย และทุกคนต่างมีความคาดหวังว่าในปีพศ 2564 ซึ่งเป็นปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ธุรกิจต่างๆน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของธุรกิจของตนเองได้และสามารถที่จะฟื้นตัวธุรกิจของตนเองได้อย่างแน่นอน

        อย่างไรก็ตามหากใครได้มีการติดตามข่าวสารสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้จะเห็นได้ว่าในตอนนี้นั้นประเทศไทยกำลังยังคงประสบปัญหาเรื่องของการระบาดของไวรัสโควิคอยู่และถึงแม้ว่าในต่างประเทศจะมีหลายบริษัทที่สามารถผลิตวัคซีนออกมาเพื่อป้องกันการติดไวรัสโควิคนี้ได้แต่ก็ยังอยู่ในช่วงของการทดลองซึ่งไม่แน่ว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้วัคซีนดังกล่าวจะสามารถโทรออกนำมาใช้งานและสามารถครอบคลุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ซึ่งถ้าหากทำได้จริงก็จะส่งผลดีต่อประชาชนทุกคนทั่วโลก

        และแน่นอนว่าความคาดหวังของคนทุกคนทั่วโลกในขณะนี้ก็คือเมื่อสามารถป้องกันการระบาดของไวรัสโควิตได้แล้วพวกเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาสถานการณ์ธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศของตนเองให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ซึ่งประเทศไทยเองก็มีความคาดหวังไว้เช่นเดียวกัน โดยเจ้าของธุรกิจรวมถึงรัฐบาลและประชาชนทุกคนต่างก็คาดหวังว่าในปีหน้านี้ประเทศไทยจะสามารถฟื้นตัวจากปัญหาเศรษฐกิจได้

          แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากมีการไปสำรวจเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าสถานการณ์การดำเนินธุรกิจของแต่ละอาชีพนั้นยังไม่สามารถที่จะก้าวพ้นปัญหาด้านเศรษฐกิจได้เลยซึ่งถ้าหากดูแล้วโดยภาพรวมแล้วธุรกิจต่างๆยังคงมีผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด เศรษฐกิจและธุรกิจของไทย แล้วไม่ใช่ว่าในเวลาอันใกล้นี้จะสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆนั้นได้  ซึ่งมีหลายหน่วยงานมองว่าหากต้องการทำให้ธุรกิจกลับมาดังเดิมหรือว่าหามากกว่าในอดีตที่ผ่านมาอาจต้องใช้ระยะเวลานานเกิน 4 ปีถึงจะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ 

         แต่ถ้าหากในปีหน้านี้สิ่งที่ทำได้เต็มที่ของเจ้าของธุรกิจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้นน่าจะทำได้เพียงแค่การดำเนินธุรกิจไปเรื่อยๆซึ่งอาจจะไม่ได้ส่งผลดีมากนักแต่ก็ไม่ได้ส่งผลที่แย่ลงกว่าเดิมเรียกได้ว่าการดำเนินธุรกิจอาจจะยังมีขึ้นขึ้นลงลงและแนวโน้มเรื่องของการลงทุนต่างๆอาจจะมีน้อยลง  

        ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าในปีหน้านี้เศรษฐกิจของไทยอาจจะยังไม่ดีขึ้นแต่ก็ไม่ลดลงหรือซบเซามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน  และถ้าหากในอนาคตสามารถที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติหรือนักลงทุนจากชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนและเข้ามาในท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ก็จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน

สนับสนุนโดย  www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ

         นับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิช- เข้ามาในเมืองไทยทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจในเมืองไทยนั้นประสบปัญหาอย่างหนักจะเห็นได้จากการที่โรงงานและบริษัทต่างๆทยอยปิดกิจการลงรวมถึงการที่บริษัทต่างๆเลิกจ้างคนงานทำให้สถานการณ์ตอนนี้คนในประเทศไทยตกงานกันเป็นจำนวนมาก

         และแน่นอนว่าด้วยประชาชนคนไทยร้อนทั้งรัฐบาลเองจึงได้ออกโครงการต่างๆอนุมัติเงินออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่กำลังประสบปัญหาสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้โดยส่วนใหญ่โครงการที่ทางด้านรัฐบาลออกมาก็จะเป็นการแจกเงินตามโครงการต่างๆรวมถึงประสานงานกับหน่วยงานของรัฐในเรื่องของการช่วยเหลือลดการเรียกเก็บเงินไม่ว่าจะเป็นเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ประชาชนจะต้องมีการส่ง

       โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับหากมีการเรียกเก็บภาษีก็จะลดจำนวนเปอร์เซ็นต์การเรียกเก็บลงและยังมีการขยายการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มออกไป  ซึ่งโครงการเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือประชาชนและเจ้าของบริษัทโรงงานต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสส่งผลต่อธุรกิจของพวกเขา

         อย่างไรก็ตามด้วยความช่วยเหลือของรัฐบาลที่มีการประสานงานทั้งบริษัทของรัฐและของเอกชนในการช่วยเหลือฟื้นฟูปัญหาเศรษฐกิจช่วยขยายยืดระยะเวลาการชำระหนี้หรือการจ่ายค่าภาษีของประชาชนออกไปกลับส่งผลให้ในขณะนี้หน่วยงานของรัฐบาลทุกหน่วยงานที่จะต้องเรียกเก็บเงินของประชาชนอย่างเช่นหน่วยงานของกรมภาษีสรรพากรซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องมีการเรียกเก็บภาษีของประชาชนตามเงื่อนไขของการเรียกเก็บเต็มจำนวน

      แต่เนื่องจากได้มีการอนุมัติมาให้ลดการเก็บภาษีลงจึงส่งผลให้กรมสรรพากรนั้นมีรายได้เข้าไปที่สรรพากรลดลงเช่นเดียวกันโดยจากเดิมที่กรมสรรพากรนั้นจะสามารถเรียกเก็บเงินภาษีมูลค่าเพิ่มจากประชาชนและบริษัทต่างๆได้ต่อปีถึง 1.82 ล้านล้านบาทแต่ในขณะนี้จากการที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือประชาชนให้มีการจ่ายภาษีลดน้อยลงทำให้ได้เงินงบประมาณน้อยกว่าจากที่ตั้งเป้าเอาไว้ซึ่งงบประมาณที่ได้มานั้นเมื่อคำนวณแล้วมียอดการได้รับลดลงมากกว่า      120,000 ล้านบาท ไปที่เดียว

        อะไรก็ตามแต่รายได้นี้จะเป็นเพียงแค่ในช่วงเวลาที่กำลังประสบปัญหาของเศรษฐกิจทรุดต้นนั้นซึ่งในปีต่อไปเงื่อนไขของการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มก็ยังเป็นเงื่อนไขเดิม  ดังนั้นมีปีนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เคยจ่ายอยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ก็จะถูกลดลงมาเหลือแค่เพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในตอนนี้     

       สำหรับงบประมาณที่กรมสรรพากรมีการเรียกเก็บประชาชนไปนั้นจะนำงบประมาณดังกล่าวไปเข้ากระทรวงการคลังโดยเงินในครั้งนี้จะถูกดึงออกมาเพื่อทำการพัฒนาประเทศชาติในแต่ละปี ซึ่งเงินเหล่านี้จะถูกจัดสรรปันส่วนไปยังหน่วยราชการหน่วยต่างๆในทุกๆปี